วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เทคโน 10 ทัศนศึกษาเชียงราย 3 ทิวา 2 ราตรี









































































































































กลับมาแล้วพร้อมๆกับความรู้สึกที่หลากหลายทั้งความประทับใจ ความรัก ความอบอุ่น ความซึ้งใจ ความตื่นเต้น หวาดเสียว ความสุขสงบ สดชื่น ความสนุกสนานเฮฮา มีทั้งเสียงหัวเราะ ร้องไห้ กรี๊ด.. ทุกอย่างอยู่ใน trip นี้
ขณะเดินทางกลับ พวกเรา AAR กันอีกครั้งอย่างสบายๆบนรถ vip ของมหาวิทยาลัย โดยมีน้องเอ็ม ทำหน้าที่นี้อย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง (แม้จะทำได้ครึ่งทาง เพราะเกิดอาการ...เมา...รถ..) ทำให้น้องเติ้ลต้องทำหน้าที่ต่อจากเอ็ม
**ไม่ว่าใครจะเป็นคนถือไมค์ บอกความรู้สึกหรือเล่าเรื่องใดๆ จะมีเสียงแซวเล็ดลอดออกมาให้ทุกคนได้เฮฮากันเสมอ โดยเฉพาะในคนที่ รู้ความนัย กัน

สิ่งที่ได้รับเกินความคาดหวังมีมาก
**หวังว่าการเดินทางคงจะไม่ลำบาก มากไปกว่าที่เห็นในคลิป แต่ว่า...โห...เป็นการเดินทางที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตเลย
**เราได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี อย่างอบอุ่นและเป็นกันเองจากเพื่อน ป.โท (เทคโนปีสุดท้าย ซัมเมอร์ มน.)น้องหนุ่ย น้องหนิง น้องติ๋ง และจากคุณครูจากโรงเรียนดอยช้าง ชาวเขาที่อยู่บนดอยสูงต้อนรับดูแลชาวเราผู้อยู่ที่ราบ อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เหมือนเราเป็นครอบครัวเดียวกัน จะกินจะนอน จะเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ฉันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกดีๆ ไมตรีที่ได้รับตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้ากัน จนกระทั่งถึงเวลาที่จะเดินทางกลับ และจนนาทีนี้ฉันอยากจะบอกว่า ขอบคุณเหลือเกิน สิ่งนี้มันมีค่าที่สุด น้ำใจ มันหาซื้อไม่ได้จริงๆ ฉันประทับใจที่สุด สัญญาว่าเมื่อมาเจอกันที่พิษณุโลกจะพาไปให้สุดๆ เหมือนที่เชียงราย แต่ที่นี่ พวกน้องๆทั้งสามคงสามารถเต้นบนเก้าอี้ได้แล้วแหละ
**การแสดงของนักเรียนชาวเขาแบบนี้เราก็ไม่เคยได้ดู ฉันอยากลุกเข้าไปเต้นกับน้องๆด้วยในช่วงที่มีไม้ไผ่มาประกอบการแสดงตอนกวางติดบ่วง เป็นการแสดงที่บ่งบอกวิถีชีวิตได้ชัดเจน เพลินตาไปกับการสังเกตชุดชาวเขาที่น้องๆใส่ สวยงามมาก นึกอยากจะเช่าน้องๆมาใส่ถ่ายรูปบ้าง
**พบสถานที่ที่สงบ ร่มรื่น สวยงามท่ามกลางธรรมชาติที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างกลมกลืน เช่น ป่าไผ่ บริเวณบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ทางเดินก้อนหินที่ต้องถอดรองเท้าเดิน ไม่คิดว่าที่นี่จะมีสิ่งดีๆซ่อนอยู่ มีแบบนี้ด้วยหรือ
**การทำงานแบบมีส่วนร่วมของพวกเราเทคโน 10 เป็นไปได้ดีมากทุกคนทำตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ดี ดีกว่าทุกๆครั้งที่เรามีกิจกรรมแบบนี้ เป็นเพราะพวกเราคงมีประสบการณ์และทักษะในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นมากขึ้น ครั้งนี้ฉันได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นจากหลายๆคน เช่น เห็นน้องนึกและ อ.หนึ่งเต้น เห็นพี่มาลีกลายเป็นศิราณี เป็นต้น
**ฉันได้นอนเต๊นท์ตามที่หวังไว้ตั้งแต่วางแผนเดินทาง แม้จะกางนอนในบ้านก็เหอะ ขอบคุณน้องแหม่มที่มานอนเป็นเพื่อน
**มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สวยงามตามคำรำลือ ลุ้นให้น้องแอนสมหวังให้มาได้สอนที่นี่ตามที่วาดฝันไว้

สิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

****1.เรื่องเวลา เราออกเดินทางไม่เป็นไปตามที่กำหนด ดูเวลาตอนรถออกจากม. ตีสามครึ่งพอดี กิจกรรมและสถานที่ที่เรากำหนดจึงต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ซึ่งพวกเราก็ทำได้ดีมากไม่มีปัญหาอะไร
***2.เราไม่ได้ทำกิจกรรมที่เตรียมไปอีก 1 กิจกรรม “พลังแห่งความแตกต่าง” ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของ จินตปัญญาศึกษา เรียนรู้ด้วยใจอย่างใคร่ครวญ เพราะเรานอนดึกกันด้วย ห้องน้ำเราต้องรอคิวกัน และเรานัดรถมารับ 7 โมงครึ่งเพื่อเตรียมขนของสัมภาระต่างๆขึ้นรถ และเมื่อไปทานอาหารเช้าเสร็จเวลาเราจึงไม่เหลือพอที่จะทำกิจกรรม เพราะต้องทำเวลาไปยังเขื่อนและอีกหลายๆที่ในวันที่สองนี้ อีกทั้งฉันเองก็ตื่นสายด้วยเพราะนอนตีสี่ แต่กิจกรรมเมื่อคืนก็ทำให้พวกเราเข้าใจซึ่งกันและกัน รู้ใจ รักกันมากขึ้น
***3. เราไม่ได้เจอเจ้าของสถานที่ที่บ้านดำนางแล เพราะเราไปถึงผิดเวลานัดไปมาก เขาจึงไม่คอยเรา และเมื่อโทรประสานงานก่อนเขาไป ทำไม่ได้เพราะเบอร์ที่ให้มา ติดต่อพูดคุยยากมาก เราหลายๆคนจึงเสียดายที่ไม่ได้เจอตัวจริง แต่จนท.ก็นำชมและให้ความรู้เป็นอย่างดี
***4. น้องอ้น น้องเอก เราจับมือกันว่า คืนนี้ แจ้ง เพิ่งรู้ว่า ตีสองของเจ้าสองคนนี้ คือ แจ้ง เลยเหลือพวกใจถึงพึ่งได้อยู่เป็นเพื่อนถึงตีสี่ อีกสองคน คือ แอนนี่และแหม่มใหญ่
***อากาศไม่หนาวเย็นอย่างที่เราคาดกันไว้ ฉันสามารถอาบนำเย็นได้อย่างสบายเช่นเดียวกับ แอนนี่ อาบน้ำเย็นได้ตอนตีสอง แล้วมานั่งกินหมูกะทะต่อ
***เพื่อนๆ ของเราไม่ได้ไปมีประสบการณ์ชีวิตแบบมันส์ๆ หลายคน ทั้งกุ้ง โอห์มที่ติดงาน ลุงโก๋ที่ป๋วยเป็นหวัด น้องเก๋ที่ต้องเตรียมตัวแต่งงาน น้องเจที่มีเหตุผลส่วนตัวบอกใครไม่ได้ พี่ต่อที่ขับรถมาได้ 30กิโลจากนครสวรรค์มีอาการตาพร่าเลือน แสบตานำตาไหล มาไม่ได้ น้องโก๋ติดงานแข่งขันลีลาศ แต่ก็มาสมทบได้ตอนเช้าวันที่สองก่อนเข้าม.แม่ฟ้าหลวง ได้เจอกันตอนแวะรับที่วัดร่องขุ่นฉันดีใจกอดน้องโก๋ นี่ถ้าได้ไประหกระเหินนั่งรถขึ้นดอยขึ้นไร่กาแฟกับพวกเราด้วยนะ ฮืมมมม อ.แอนที่อยากไปด้วยกันกับพวกเรามากๆ อุตสาห์ซื้อกางเกงและเสื้อผ้ากันหนาวอย่างดีแต่ติดสอนที่กรุงเทพ และสุดท้ายพี่ๆ ป.เอกเทคโนที่วางแผนจะไปสมทบกับเรา ยังเก็บข้อมูลงานวิจัยไม่สำเร็จ เราเลยได้เจอกัที่วัดร่องขุ่นเท่านั้นเอง เสียดายมากๆค่ะ

การนำไปประยุกต์ใช้/สิ่งที่ได้รับ
**การทำงานที่มีการวางแผนประสานงานกันล่วงหน้าเป็นอย่างดีและมีส่วนร่วมจะทำให้งานสำเร็จดังวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
**การนำเอาวิธีสอนของอาจารย์หนึ่ง ที่ใช้วิธีสอนแบบไม่สอน ทำให้พวกเราได้คิด วางแผน ลงมือกระทำ แก้ปัญหาด้วยตัวเอง จะทำให้นักเรียนมีทักษะและประสบการณ์ดีกว่าการอยู่แต่ในห้องเรียน กลับไปนี้คงต้องพานักเรียนออกน้องห้องเรียนบ้าง นักเรียนจะได้เรียนรู้อย่างมีความรู้อย่างพวกเรา
**ได้แนวทางของบประมาณสนับสนุน ขอสื่อการสอนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เป็น 100 เล่มจาก กทช.

**สุดท้ายขอบคุณอ.หนึ่งที่น่ารักของพวกเราที่ให้ประสบการณ์หลากหลายในการเดินทางไปเชียงราย (ต้องเชียงรายเท่านั้น อิอิ) ขอบคุณพี่มาลี นายเยี่ยมมาก ขอบอก งานนี้ถ้าไม่มีพี่มาลีและ อ.หนึ่ง เราคงไม่ได้รับความอนุเคราะหื สะดวกและประหยัดกันมากขนาดนี้ ขอบคุณทุกคนที่ไม่นิ่งดูดายต่อหน้าที่ ต่อความรับผิดชอบ ขอบคุณน้องๆพี่ๆเทคโนฯที่เชียงราย สัญญาว่าก่อนจบ เรา..จะมี อย่างนี้อีก..สัญญา..

วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2552

วันครู ครั้งหนึ่งในความทรงจำ 16 มกราคม 52








วันครูปีนี้ ศุกร์ 16 มกราคม 52 ในภาคเช้า ไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมที่จัดเพราะต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบปลายภาคเทอม 2
โดยเฉพาะ วิจัย ฯ ในวันรุ่งขึ้น ด้วยในภาคค่ำได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นนักร้องในงานวันครูอำเภอบางระกำ พวกเรานำโดย ผอ.นิพนธ์(ผู้ได้รับมอบหมายจากสมาคมครูและผู้บริหารอำเภอบางระกำ) ให้เป็นหัวหน้าทีมนักร้องที่รวบรวมพลได้รวม 4 คน นัดหมายกันแต่งตัวแต่งหน้าทำผมกันตั้งแต่บ่าย 2โมง งานนี้มีท่าน ดร.สมเกียรติ บุญรอด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 1 มาเป็นประธานในพิธี พวกเราวุ่นวายกันอยู่หลังเวทีผลัดเปลี่ยนกันร้องเพลงคนละเพลง ฉันถนัดร้องเพลงลูกกรุงช้าๆ เลยเลือกร้อง จงรัก มั่นใจไม่รัก กุหลาบเวียงพิงค์ ขอเป็นคนหนึ่ง ฝากดิน เมื่อถึงพิธีการพวกเราก็ร่วมเป็นต้นเสียงร้องเพลงแม่พิมพ์ของชาติ จุดเทียนร่วมกัน เป็นภาพบรรยากาศที่แสนจะประทับใจฉัน ในงานมีการจับสลากแจกของขวัญ ฉันขอตัวกลับเมื่อเวลา 3 ทุ่มกว่า เสียดายในวันรุ่งขึ้นที่รู้ว่า ชื่อของฉันถูกท่าน ผอ.เขต จับขึ้นมาเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลที่ 2 เครื่องเล่น ซีดี มูลค่า 3พักว่าบาท แต่ตัวไม่ได้อยู่ในงาน เลย...อด.....แต่ไม่เป็นไร คืนนั้นฉันได้รับเงินรางวัลจากท่านผอ.เขต ที่ใจดี แจกให้พวกเราที่ร่วมเป็นหางเครื่องประกอบเพลง.. หนุ่มนาข้าว สาวนาเกลือ.. ให้ทุกๆคน คนละร้อย ....โห ดีใจที่สุด
พวกเราทุกคนประทับใจมากๆๆ...ขอบอก...ธนบัตรใบนั้น ฉันขอเก็บไว้ไม่ใช้ จะเก็บไว้เป็นที่ระลึก ....ฉันได้ทราบว่าท่านผอ.เขตอยู่จนงานเลิก ....นับเป็นขวัญกำลังสำหรับพวกเราหลายๆคน ผู้อยู่เบื้องหลังการทำงานหลายๆฝ่ายในคำคืนนั้นฉันขอขอบคุณ ..ญา.. เพื่อนของฉันที่ทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์ และช่างภาพจำเป็น พี่พิมพ์ใจ..ที่บริการยกอาหารบุปเฟ่ต์มาบริการนักร้องหลังเวที .. พี่มาลี .. ผอ.ชุมพล ... ผอ.นิพนธ์... ศน.กู้ ... พี่ปาลิณ ...พี่สาลี่ ... พี่ม้ง..น้องอัยย์...ที่เป็นกำลังให้แก่กันอยู่หลังเวที ขอบคุณจริงๆ

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551

กีฬาบัณฑิตศึกษาคณะศึกษาศาสตร์และสังสรรค์ปีใหม่













ช่วงนี้ เทคโนของเรามีกิจกรรมมากมาย เมื่อ 13 ธ.ค 51 พวกเราก็ได้แข่งกีฬาบัณฑิตกัน กีฬาแต่ละประเภทขอบอก คิดได้ไง ใส่กางเกงในวิ่งเงี๊ยะ โห แต่เสียดาย น้องโจ๊กไม่ถนัดใส่กางเกงใน ก็คนแรกๆใส่แล้วถอด ถอดแล้วใส่จนมันม้วนหมดแล้ว พอถึงตาจะใส่มันก็ช้านะสิ แต่ขอบอกนะ คนเชียร์จะขาดใจตาย ลุ้นอะไรจะขนาดนั้นไม่รู้ เจ้าน้องโก๋ อยู่คนสุดท้ายของทีม ใส่กางเกงในได้แค่ขาข้างเดียว เสียงนกหวีด ดัง ...ปรี๊ด.....
น้องโก๋หงายหลังผึ่ง ฮามากๆๆๆๆ แต่งานนี้หลายคนได้เกิด น้องโก๋นี้สุดยอดมากๆ ขนาดสมาชิกในทีมหกล้มไปคนแล้ว ยังกถือลูกโป่งใส่น้ำกระโดดเข้าเส้นชัยชนะอย่างขาดลอย พี่อ้ายงี้กระโดดตัวลอย พี่มาลีก็สุดๆเลย น้องเอกกับน้องรัตน์บ่นปวดแขน เพราะไปชักเย่อมา หลายๆคน ทั้งนึก อ้น พี่อุ๊ พี่หล้า น้องไก่ สุดยอดดดดดดดดดดดด พี่อ้ายเก็บภาพมาเยอะเลย งานนี้เราได้เพื่อนชาวคอมมาอีกหลายคนเลย อ้อ แถมพี่ๆน้องๆเอกบริหารด้วย งานนี้พี่เปี๊ยกชาย น้องนัท พี่เฟริส เทคโนปี 2 คงเหนื่อยแย่ แต่ก็ดีดีค่ะ มิตรภาพที่ก่อเกิดมันหาซื้อไม่ได้หรอก ไม่มีขาย

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เรื่องเล่างานโสตฯ เทคโนฯสัมพันธ์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 23





งานนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 23 แล้ว เจ้าภาพของปีนี้ คือ ม.ศิลปากร เมื่อวันที่ 11 -12 ธ.ค.51 นี้ พวกเราคณะนิสิตป.โท และป.เอก 2 สาขาวิชาคือ
ทคโนฯและ คอมพิวเตอร์ฯ ทั้งปีที่ 1 และ 2 ของ มหาวิทยาลัยนเรศวร รวมทั้งสิ้น 39 คน ออกเดินทางโดยรถบัสของ คณะศึกษาศาสตร์ เวลา ตีหนึ่งของเช้า 11 ธ.ค. พวกเราไปถึงสุพรรณ เกือบตีห้า ฉันในฐานะผู้ประสานงานในครั้งนี้โทรติดต่อโรงแรมที่จองไว้ เราไม่สามารถเข้าพักกันได้ในเช้าของวันนี้เนื่องจากลูกค้าของโรงแรมยังไม่เช็คเอ้าท์ออก หลังจากนั้นอ.รุจโรจน์ อ.ดิเรกและฉันก็ลงความเห็นกัน ปั้มนำมันแห่งหนึ่งข้างทางจึงกลายเป็นโรงแรม 5 ห้าดาวในเวลาต่อมา พี่มาลีหัวเราะแล้วบอกว่า โดนไอ้อ้ายมันหลอกอีกแล้ว หลังจากนั้นไม่นานก่อนฟ้าสาง พวกเราก็แปลงกายอยู่ในชุดสูทสุภาพ
07.00 น. เราถึงพระปฐมเจดีย์และหาอาหารเช้าทานบริเวณนั้น หลายคนได้ทำบุญตักบาตรพระที่บิณฑบาต
08.30 น. ถึงมหาวิทยาลัยศิลปากรส่วนพระราชวังสนามจันทร์ และรายงานตัว เราได้กระเป๋าผ้า ลดโลกร้อนเป็นที่ระลึกกันคนละใบ หลังจากนั้นงานวิจัยจากนักวิจัยของสถาบันการศึกษาต่างๆก็นำเสนองานวิจัย ของมหาวิทยาลัยนเรศวร มี 2 เรื่อง เป็นนิสิต 1 คน และอาจารย์รุจโรจน์ แก้วอุไร อีก 1 เรื่อง งานนี้ทำให้ฉันได้เรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับวิจัยมากขึ้น เราได้รู้ว่าประเทศไทยของเรามีจำนวนนักวิจัยน้อยเสียเหลือเกิน
17.00 น. ฉัน พี่เปี๊ยกชายปี 2 พี่พิทยา น้องอ้น น้องแหม่มในฐานะตัวแทนนิสิตป.โท เทคโน มน.เข้าร่วมประชุมเครือข่ายเทคโนสัมพันธ์ จึงไม่ได้กลับไปที่พักเพื่ออาบนำและเปลี่ยนชุด
แม้ว่าในวันแรกฉันจะนั่งฟังไปหลับไป(เพราะแทบไม่ได้นอนเลย) แต่ก็รู้สึกประทับใจในตอนค่ำที่งานเลี้ยงสังสรรค์ เพราะความสามัคคีและร่วมมือร่วมใจของพวกเรา การแสดงชุดศิลามณีของนิสิตป.โท เทคโนมน.จึงได้รับความสนใจจากช่างภาพและผู้ชมมากมายเกินคาด อันที่จริงฉันก็ลุ้นเอาใจช่วยน้องๆที่แสดงไม่น้อยไปกว่า อาจารย์และพี่ๆน้องๆเลย เพราะว่าเมือ่การแสดงของม.อื่นผ่านไปแล้ว 3 ชุด และจะถึงคิวของเราแสดง คณะของเรายังเดินทางมาไม่ถึงเลย เนื่องจากรถบัสหลงทาง ฉัน อ้น แหม่มใหญ่ พี่เปี๊ยกชาย อาจารย์หนึ่ง อ.แอน อ.ดิเรก ที่รออยู่และจองโต๊ะจีนไว้ชะเง้อมองทางประตูอยู่เสมอๆๆ สรุปเราตื่นเต้นไม่แพ้กันทั้งคนแสดง คนดู ฉันต้องขอขอบคุณพี่แต้ง พี่หล้า พี่อุ๊ พี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกคน ที่ร่วมกันเป็นช่างเสริมสวยจำเป็น เมื่อการแสดงจบเสียงปรบมือดังกึกก้องทั้งหอประชุม
นอกจากการแสดงแล้ว เราได้นำของที่ระลึกไปแลกเปลี่ยนกับสถาบันอื่นๆด้วย ปีหน้า จุฬาฯ เป็นเจ้าภาพ ครั้งที่ 24
ในค่ำคืนนั้น เมื่อกลับจากงานเลี้ยง ห้องพักของฉันที่โรงแรมริเวอร์น้องๆก็มาอ่านหนังสือติวข้อสอบวิจัยกัน ฉันติวเข้มหนัก ยกแก้วบ่อยไปหน่อยเลยไปเฝ้าพระอินทร์ก่อนใครๆ
เช้า 12 ธ.ค.51 เราเช็คเอ้าท์จากที่พักแล้วเข้างานต่อ เช้าวันนี้ฉันได้รับประสบการณ์ ความรู้ใหม่ๆจากวิทยากรโดยเฉพาะ อ.ดร.ธรรมชัย เชาว์ปรีชา เรื่อง งานวิจัยไอทีกับการศึกษาของประเทศ ทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นเหมือนกบในกะลา ความรู้เรียนไม่จบไม่หมดสิ้นจริงๆ ฉันประทับใจการนำเสนองานวิจัยเรื่องหนึ่งที่ผู้วิจัยไปทำการศึกษาวิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลที่จังหวัดสมุทรสงครามเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ ทำให้ฉันรู้ว่ากระบวนการทำวิจัยไม่ใช่เรื่องยาก การจัดการความรู้ KM( knowledge management ) สามารถนำไปใช้ได้ทุกเรื่องจริงๆ คราวนี้ฉันรู้จัก KA KV KS อีกด้วย
เมื่อเดินทางกลับพวกเรา AAR กันบนรถ คราวนี้พี่มาลีรับหน้าที่นี้ ฉันตอบสั้นๆว่า ปีหน้าต้องมาอีก เพราะรู้แล้วว่ากิจกรรมนี้ดีอย่างไร ขอบคุณพี่หล้า พี่มาลีที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเงินและบัญชี ขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทาง สร้างประสบการณ์ในครั้งนี้








วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เมือเทคโนไปวาดภาพ ฟังเพลงท่ามกลางธรรมชาติ และวาดภาพบนแผนเฟรม (ตอน 2 และตอน จบ)


ตั้งใจทีแรกว่าจะเขียน 3 ตอน แต่ตอนที่ 2 อาจารย์รุจโรจน์ เขียนเล่าแล้วในบล็อกของท่าน ตามไปอ่านนะคะ




และตอนที่ 3 ขากลับ พี่มาลี เขียนแล้วสนุกมาก ใครที่ไม่ได้ไปเสียวบนสันเขื่อนด้วย คลิกไปเลย

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เมื่อเทคโนฯไปฟังเพลงและวาดภาพบนเฟรมท่ามกลางธรรมชาติ(ตอนที่ 1)




รู้สึกแปลกใจและสงสัยเล็กๆ เมื่ออาจารย์รุจโรจน์เสนอเรื่อง การวาดภาพแล้วฟังเพลงไปด้วยท่ามกลางธรรมชาติ ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่อาจารย์บอกว่าเคยไปมาแล้ว กับพวกเราในห้องในวันที่เจอกันชั่วโมงแรก ตัวเองรู้สึกสนใจมากแต่ยังนึกไม่ออกว่า เราเรียนเทคโนแต่ทำไมไปวาดภาพ(วะ) มันเกี่ยวกันมั๊ยเนี่ย จากนั้น เมื่อเวลาผ่านไป เราทวงถามอาจารย์ว่ากิจกรรมนี้จะยังไงกันดี หลังจากนั้นสิ่งต่างได้เกิดขึ้น การแบ่งงาน การติดต่อประสานงาน การเตรียมการ ตลอดเวลา 5 วัน แล้วชั่วโมงก่อนที่พวกเราจะเดินทาง เราทั้งห้องเทคโน 10 ไม่เป็นอันจะเรียนวิจัยของอาจารย์อรุณี (ไม่รู้ท่านจะคิดยังไงนะเนี่ย) คงเป็นเพราะตื่นเต้น
ตอนบ่าย 3 อาจารย์รุจโรจน์โทรมา บอกรอพวกเราอยู่ที่วัดโบสถ์พร้อมกับพี่อิ๋ว(รถนำขบวน มูลนิธิกู้ภัยบูรพา) แล้ว ตานี้เราอยู่นิ่งไม่ได้แล้ว หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง พวกเราก็ได้ยินเสียงสวรรค์ จากอาจารย์
อรุณีที่น่ารักของเรา แล้วผึ้งก็แตกรัง เรานัดรวมตัวตั้งขบวนกันที่สี่แยกอินโดจีน ตอน 4 โมงเย็น แต่4 โมงแล้วรถของพี่มาลี ที่มีพี่มาลี น้องออย น้องเหมียวและฉัน ยังไปไม่ถึงจุดหมาย ทุกคนเริ่มโทรมาถามว่าไม่เจอใครที่จุดนัดพบ เลยขับเลยไปเรื่อยๆ เอาละสิฉัน ทำไงดีวะเนี่ยงานนี้ เพราะน้องออยดูแลเรื่องอาหาร เครื่องดื่ม พวกเราจึงต้องช้า เพราะซื้อน้ำแข็ง น้ำและสิ่งของอื่นที่น้องโก๋และน้องอ้นต้องการ
























เมื่อถึงจุดนัดพบ ฉันก็ไม่พบใครเหมือนคนอื่นๆ หลังจากนั้นโทรศัพท์ของฉันก็ทำหน้าที่ของมันอย่างไม่หยุด (5555) และในที่สุดจากการประสานงานที่ดีของพวกเราๆ ก็ตั้งขบวนได้สำเร็จ ณ ทางแยกเข้าเขื่อน พูดแล้วจะหาว่าคุย งานนี้พวกเรารู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญที่มีรถนำขบวน รถทุกคันเปิดไฟหน้าและรถฉันก็เป็นคันแรกด้วย พี่มาลีชอบใจใหญ่ที่อยู่คันหน้าสุด ฉันเปิดกระจกรถ ในมือ ถือกล้องและกดๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปทางด้านหลังรถ ที่มีรถตามมาเป็นขบวน พี่มาลีและพวกเราในรถร้องเพลงอย่างมีความสุข ก็เกิดมาไม่เคยสักที



ไม่เกินครึ่งชั่วโมง พวกเราก็ถึงทางแยกเข้าอุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว ทุกคนเริ่มตื่นเต้นกับเส้นทางที่ค่อนข้างลำบาก ยกเว้นฉันกับ เจ้าอ้น ที่ไปสำรวจเส้นทางมาแล้ว เจ้าออยนึกสนุกจึงโทรไปหาเจ้าจอยที่เอารถเก๋งป้ายแดงมา หลังจากที่เห็นฝุ่นฟุ้งตลบ และแล้วรถกระบะก็มาถึงกันหมดในขณะที่รถเก๋งค่อยๆตามมาถึงทีหลัง มันเย็นมากแล้วทุกคนจัดการกางเต๊นท์และจัดการข้าวของส่วนตัว ฉันได้แต่เพียงนำมันกองไว้ใกล้ๆกับที่ที่น้องเอก น้องรัตน์ น้องเปีย น้องโจ๊กหมายตาจะกางเต๊นท์เท่านั้น


และแล้ว.... ฉันก็เริ่มทำหน้าที่ประสานฝ่ายต่างๆที่เราแบ่งหน้าที่กัน น้องนึก น้องไก่ ฝ่ายเครื่องเสียง ไฟและไมโครโฟน แต่สายไฟ 20 เมตรที่เราเตรียมมามันยาวไม่พอ หัวหน้าอุทยานท่านก็จัดการประสานเจ้าหน้าที่มาต่อสายตรงให้ และก็มีเสียงเฮ ในยามค่ำเมื่อสปอร์ตไลท์ของพวกเราทำงาน



คนที่ว่างก็เข้าช่วยลำเลียงเสบียงและข้าวของส่วนกลางจากรถน้องโจ๊กและรถพี่มาลีมาประจำที่โต๊ะอาหารอันแสนวิเศษของพวกเรา (ลูกเสือชำนาญการรุ่นใหญ่ 55555) น้องนุ่น น้องโอห์ม น้องนึกและอีกหลายคน ช่วยกันบริการอาหารและเครื่องดื่มให้อาจารย์จิรวัฒน์ อ.หนึ่งและสองผู้ติดตามตัวน้อยๆ




มื้อนี้เป็นมื้อที่แสนวิเศษสุดในความรู้สึกของฉัน มันหาได้ที่ไหนบรรยากาศแบบนี้ ฉับแอบซัดไข่ต้มไปตั้ง 2 ฟอง อิ่มท้องแล้วยังอิ่มใจอีก


หลังอิ่มท้อง น้องโก๋และน้องอ้นก็ได้รับสัญญาณจากพี่อ้ายให้
ทำหน้าที่ ดำเนินกิจกรรม
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป เพราะตอนนี้ เกือบตี 1 ง่วงซะแล้ว












วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เปิดเทอมนี้ ลงทุนแล้ว


.... เปิดเทอมมาได้ อาทิตย์หนึ่งแล้ว วันนี้ตอนบ่ายมีประชุมครูประจำเดือน ระหว่างประชุม มีประโยคหนึ่งที่ทำให้ครูๆอย่างเราได้คิด "เป็นชาวนา ต้องลงทุนซื้อข้าว ซื้อปุ๋ย ซื้อยา จ้างไถนา จ้างเกี่ยว เพื่อลงทุน กว่าจะได้ผลผลิต แต่ครูไม่เห็นต้องลงทุนอะไรเลย สิ้นเดือนรับเงินเดือนกันคนละหลายหมื่น" ประโยคนี้เป็นประโยคที่ชาวบ้านพูดให้ผอ.ของโรงเรียนฉันได้ยิน เราคิดตาม พร้อมกับสบตากับครูบางคนที่นั่งประชุมอยู่ใกล้ๆกันอย่างรู้กัน แล้วอมยิ้ม
วันนี้....... ใครหลายๆคน จึงต้องลดความเห็นแก่ตัวลงไปอาจโคยความสมัครใจ เต็มใจ หรือให้อย่างเสียมิได้ก็ช่างเถอะ
.....อีกไม่เกินเดือน บ้านหลังที่สอง(โรงเรียน)ของพวกเราทุกคนก็จะมีรั้วที่สำเร็จ เสร็จสวยงามเสียที เงิน 3,540 บาท ของฉันในวันนี้ มีส่วนอยู่ตรงนั้น อีกชั่วนาตาปี ที่แรกนึกเสียดายอยู่บ้าง ก็เงินมันมิใช่น้อยสำหรับครูอย่างฉันที่ไม่มีรายได้อื่นใด นอกจากเงินเดือน
....แต่เพราะคำพูดประโยคเดียวของผอ.ผู้มีแต่ให้อันเป็นที่รักของพวกเรา ความรู้สึกเสียดายหายไปเมื่อไรไม่รู้ อยากบอกกับนักเรียนทุกคนว่า ครูเต็มใจ ครูอยากให้บ้านของพวกเราทุกคนมีรั้วที่สร้างเสร็จเสียที หลังจากที่มันอยู่ในสภาพแบบนั้นมาหลายปีแล้ว และพวกเธอจะได้ไม่หนีออกไปนอกโรงเรียนไง