วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551

กีฬาบัณฑิตศึกษาคณะศึกษาศาสตร์และสังสรรค์ปีใหม่













ช่วงนี้ เทคโนของเรามีกิจกรรมมากมาย เมื่อ 13 ธ.ค 51 พวกเราก็ได้แข่งกีฬาบัณฑิตกัน กีฬาแต่ละประเภทขอบอก คิดได้ไง ใส่กางเกงในวิ่งเงี๊ยะ โห แต่เสียดาย น้องโจ๊กไม่ถนัดใส่กางเกงใน ก็คนแรกๆใส่แล้วถอด ถอดแล้วใส่จนมันม้วนหมดแล้ว พอถึงตาจะใส่มันก็ช้านะสิ แต่ขอบอกนะ คนเชียร์จะขาดใจตาย ลุ้นอะไรจะขนาดนั้นไม่รู้ เจ้าน้องโก๋ อยู่คนสุดท้ายของทีม ใส่กางเกงในได้แค่ขาข้างเดียว เสียงนกหวีด ดัง ...ปรี๊ด.....
น้องโก๋หงายหลังผึ่ง ฮามากๆๆๆๆ แต่งานนี้หลายคนได้เกิด น้องโก๋นี้สุดยอดมากๆ ขนาดสมาชิกในทีมหกล้มไปคนแล้ว ยังกถือลูกโป่งใส่น้ำกระโดดเข้าเส้นชัยชนะอย่างขาดลอย พี่อ้ายงี้กระโดดตัวลอย พี่มาลีก็สุดๆเลย น้องเอกกับน้องรัตน์บ่นปวดแขน เพราะไปชักเย่อมา หลายๆคน ทั้งนึก อ้น พี่อุ๊ พี่หล้า น้องไก่ สุดยอดดดดดดดดดดดด พี่อ้ายเก็บภาพมาเยอะเลย งานนี้เราได้เพื่อนชาวคอมมาอีกหลายคนเลย อ้อ แถมพี่ๆน้องๆเอกบริหารด้วย งานนี้พี่เปี๊ยกชาย น้องนัท พี่เฟริส เทคโนปี 2 คงเหนื่อยแย่ แต่ก็ดีดีค่ะ มิตรภาพที่ก่อเกิดมันหาซื้อไม่ได้หรอก ไม่มีขาย

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เรื่องเล่างานโสตฯ เทคโนฯสัมพันธ์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 23





งานนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 23 แล้ว เจ้าภาพของปีนี้ คือ ม.ศิลปากร เมื่อวันที่ 11 -12 ธ.ค.51 นี้ พวกเราคณะนิสิตป.โท และป.เอก 2 สาขาวิชาคือ
ทคโนฯและ คอมพิวเตอร์ฯ ทั้งปีที่ 1 และ 2 ของ มหาวิทยาลัยนเรศวร รวมทั้งสิ้น 39 คน ออกเดินทางโดยรถบัสของ คณะศึกษาศาสตร์ เวลา ตีหนึ่งของเช้า 11 ธ.ค. พวกเราไปถึงสุพรรณ เกือบตีห้า ฉันในฐานะผู้ประสานงานในครั้งนี้โทรติดต่อโรงแรมที่จองไว้ เราไม่สามารถเข้าพักกันได้ในเช้าของวันนี้เนื่องจากลูกค้าของโรงแรมยังไม่เช็คเอ้าท์ออก หลังจากนั้นอ.รุจโรจน์ อ.ดิเรกและฉันก็ลงความเห็นกัน ปั้มนำมันแห่งหนึ่งข้างทางจึงกลายเป็นโรงแรม 5 ห้าดาวในเวลาต่อมา พี่มาลีหัวเราะแล้วบอกว่า โดนไอ้อ้ายมันหลอกอีกแล้ว หลังจากนั้นไม่นานก่อนฟ้าสาง พวกเราก็แปลงกายอยู่ในชุดสูทสุภาพ
07.00 น. เราถึงพระปฐมเจดีย์และหาอาหารเช้าทานบริเวณนั้น หลายคนได้ทำบุญตักบาตรพระที่บิณฑบาต
08.30 น. ถึงมหาวิทยาลัยศิลปากรส่วนพระราชวังสนามจันทร์ และรายงานตัว เราได้กระเป๋าผ้า ลดโลกร้อนเป็นที่ระลึกกันคนละใบ หลังจากนั้นงานวิจัยจากนักวิจัยของสถาบันการศึกษาต่างๆก็นำเสนองานวิจัย ของมหาวิทยาลัยนเรศวร มี 2 เรื่อง เป็นนิสิต 1 คน และอาจารย์รุจโรจน์ แก้วอุไร อีก 1 เรื่อง งานนี้ทำให้ฉันได้เรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับวิจัยมากขึ้น เราได้รู้ว่าประเทศไทยของเรามีจำนวนนักวิจัยน้อยเสียเหลือเกิน
17.00 น. ฉัน พี่เปี๊ยกชายปี 2 พี่พิทยา น้องอ้น น้องแหม่มในฐานะตัวแทนนิสิตป.โท เทคโน มน.เข้าร่วมประชุมเครือข่ายเทคโนสัมพันธ์ จึงไม่ได้กลับไปที่พักเพื่ออาบนำและเปลี่ยนชุด
แม้ว่าในวันแรกฉันจะนั่งฟังไปหลับไป(เพราะแทบไม่ได้นอนเลย) แต่ก็รู้สึกประทับใจในตอนค่ำที่งานเลี้ยงสังสรรค์ เพราะความสามัคคีและร่วมมือร่วมใจของพวกเรา การแสดงชุดศิลามณีของนิสิตป.โท เทคโนมน.จึงได้รับความสนใจจากช่างภาพและผู้ชมมากมายเกินคาด อันที่จริงฉันก็ลุ้นเอาใจช่วยน้องๆที่แสดงไม่น้อยไปกว่า อาจารย์และพี่ๆน้องๆเลย เพราะว่าเมือ่การแสดงของม.อื่นผ่านไปแล้ว 3 ชุด และจะถึงคิวของเราแสดง คณะของเรายังเดินทางมาไม่ถึงเลย เนื่องจากรถบัสหลงทาง ฉัน อ้น แหม่มใหญ่ พี่เปี๊ยกชาย อาจารย์หนึ่ง อ.แอน อ.ดิเรก ที่รออยู่และจองโต๊ะจีนไว้ชะเง้อมองทางประตูอยู่เสมอๆๆ สรุปเราตื่นเต้นไม่แพ้กันทั้งคนแสดง คนดู ฉันต้องขอขอบคุณพี่แต้ง พี่หล้า พี่อุ๊ พี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกคน ที่ร่วมกันเป็นช่างเสริมสวยจำเป็น เมื่อการแสดงจบเสียงปรบมือดังกึกก้องทั้งหอประชุม
นอกจากการแสดงแล้ว เราได้นำของที่ระลึกไปแลกเปลี่ยนกับสถาบันอื่นๆด้วย ปีหน้า จุฬาฯ เป็นเจ้าภาพ ครั้งที่ 24
ในค่ำคืนนั้น เมื่อกลับจากงานเลี้ยง ห้องพักของฉันที่โรงแรมริเวอร์น้องๆก็มาอ่านหนังสือติวข้อสอบวิจัยกัน ฉันติวเข้มหนัก ยกแก้วบ่อยไปหน่อยเลยไปเฝ้าพระอินทร์ก่อนใครๆ
เช้า 12 ธ.ค.51 เราเช็คเอ้าท์จากที่พักแล้วเข้างานต่อ เช้าวันนี้ฉันได้รับประสบการณ์ ความรู้ใหม่ๆจากวิทยากรโดยเฉพาะ อ.ดร.ธรรมชัย เชาว์ปรีชา เรื่อง งานวิจัยไอทีกับการศึกษาของประเทศ ทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นเหมือนกบในกะลา ความรู้เรียนไม่จบไม่หมดสิ้นจริงๆ ฉันประทับใจการนำเสนองานวิจัยเรื่องหนึ่งที่ผู้วิจัยไปทำการศึกษาวิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลที่จังหวัดสมุทรสงครามเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ ทำให้ฉันรู้ว่ากระบวนการทำวิจัยไม่ใช่เรื่องยาก การจัดการความรู้ KM( knowledge management ) สามารถนำไปใช้ได้ทุกเรื่องจริงๆ คราวนี้ฉันรู้จัก KA KV KS อีกด้วย
เมื่อเดินทางกลับพวกเรา AAR กันบนรถ คราวนี้พี่มาลีรับหน้าที่นี้ ฉันตอบสั้นๆว่า ปีหน้าต้องมาอีก เพราะรู้แล้วว่ากิจกรรมนี้ดีอย่างไร ขอบคุณพี่หล้า พี่มาลีที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเงินและบัญชี ขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทาง สร้างประสบการณ์ในครั้งนี้








วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เมือเทคโนไปวาดภาพ ฟังเพลงท่ามกลางธรรมชาติ และวาดภาพบนแผนเฟรม (ตอน 2 และตอน จบ)


ตั้งใจทีแรกว่าจะเขียน 3 ตอน แต่ตอนที่ 2 อาจารย์รุจโรจน์ เขียนเล่าแล้วในบล็อกของท่าน ตามไปอ่านนะคะ




และตอนที่ 3 ขากลับ พี่มาลี เขียนแล้วสนุกมาก ใครที่ไม่ได้ไปเสียวบนสันเขื่อนด้วย คลิกไปเลย

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เมื่อเทคโนฯไปฟังเพลงและวาดภาพบนเฟรมท่ามกลางธรรมชาติ(ตอนที่ 1)




รู้สึกแปลกใจและสงสัยเล็กๆ เมื่ออาจารย์รุจโรจน์เสนอเรื่อง การวาดภาพแล้วฟังเพลงไปด้วยท่ามกลางธรรมชาติ ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่อาจารย์บอกว่าเคยไปมาแล้ว กับพวกเราในห้องในวันที่เจอกันชั่วโมงแรก ตัวเองรู้สึกสนใจมากแต่ยังนึกไม่ออกว่า เราเรียนเทคโนแต่ทำไมไปวาดภาพ(วะ) มันเกี่ยวกันมั๊ยเนี่ย จากนั้น เมื่อเวลาผ่านไป เราทวงถามอาจารย์ว่ากิจกรรมนี้จะยังไงกันดี หลังจากนั้นสิ่งต่างได้เกิดขึ้น การแบ่งงาน การติดต่อประสานงาน การเตรียมการ ตลอดเวลา 5 วัน แล้วชั่วโมงก่อนที่พวกเราจะเดินทาง เราทั้งห้องเทคโน 10 ไม่เป็นอันจะเรียนวิจัยของอาจารย์อรุณี (ไม่รู้ท่านจะคิดยังไงนะเนี่ย) คงเป็นเพราะตื่นเต้น
ตอนบ่าย 3 อาจารย์รุจโรจน์โทรมา บอกรอพวกเราอยู่ที่วัดโบสถ์พร้อมกับพี่อิ๋ว(รถนำขบวน มูลนิธิกู้ภัยบูรพา) แล้ว ตานี้เราอยู่นิ่งไม่ได้แล้ว หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง พวกเราก็ได้ยินเสียงสวรรค์ จากอาจารย์
อรุณีที่น่ารักของเรา แล้วผึ้งก็แตกรัง เรานัดรวมตัวตั้งขบวนกันที่สี่แยกอินโดจีน ตอน 4 โมงเย็น แต่4 โมงแล้วรถของพี่มาลี ที่มีพี่มาลี น้องออย น้องเหมียวและฉัน ยังไปไม่ถึงจุดหมาย ทุกคนเริ่มโทรมาถามว่าไม่เจอใครที่จุดนัดพบ เลยขับเลยไปเรื่อยๆ เอาละสิฉัน ทำไงดีวะเนี่ยงานนี้ เพราะน้องออยดูแลเรื่องอาหาร เครื่องดื่ม พวกเราจึงต้องช้า เพราะซื้อน้ำแข็ง น้ำและสิ่งของอื่นที่น้องโก๋และน้องอ้นต้องการ
























เมื่อถึงจุดนัดพบ ฉันก็ไม่พบใครเหมือนคนอื่นๆ หลังจากนั้นโทรศัพท์ของฉันก็ทำหน้าที่ของมันอย่างไม่หยุด (5555) และในที่สุดจากการประสานงานที่ดีของพวกเราๆ ก็ตั้งขบวนได้สำเร็จ ณ ทางแยกเข้าเขื่อน พูดแล้วจะหาว่าคุย งานนี้พวกเรารู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญที่มีรถนำขบวน รถทุกคันเปิดไฟหน้าและรถฉันก็เป็นคันแรกด้วย พี่มาลีชอบใจใหญ่ที่อยู่คันหน้าสุด ฉันเปิดกระจกรถ ในมือ ถือกล้องและกดๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปทางด้านหลังรถ ที่มีรถตามมาเป็นขบวน พี่มาลีและพวกเราในรถร้องเพลงอย่างมีความสุข ก็เกิดมาไม่เคยสักที



ไม่เกินครึ่งชั่วโมง พวกเราก็ถึงทางแยกเข้าอุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว ทุกคนเริ่มตื่นเต้นกับเส้นทางที่ค่อนข้างลำบาก ยกเว้นฉันกับ เจ้าอ้น ที่ไปสำรวจเส้นทางมาแล้ว เจ้าออยนึกสนุกจึงโทรไปหาเจ้าจอยที่เอารถเก๋งป้ายแดงมา หลังจากที่เห็นฝุ่นฟุ้งตลบ และแล้วรถกระบะก็มาถึงกันหมดในขณะที่รถเก๋งค่อยๆตามมาถึงทีหลัง มันเย็นมากแล้วทุกคนจัดการกางเต๊นท์และจัดการข้าวของส่วนตัว ฉันได้แต่เพียงนำมันกองไว้ใกล้ๆกับที่ที่น้องเอก น้องรัตน์ น้องเปีย น้องโจ๊กหมายตาจะกางเต๊นท์เท่านั้น


และแล้ว.... ฉันก็เริ่มทำหน้าที่ประสานฝ่ายต่างๆที่เราแบ่งหน้าที่กัน น้องนึก น้องไก่ ฝ่ายเครื่องเสียง ไฟและไมโครโฟน แต่สายไฟ 20 เมตรที่เราเตรียมมามันยาวไม่พอ หัวหน้าอุทยานท่านก็จัดการประสานเจ้าหน้าที่มาต่อสายตรงให้ และก็มีเสียงเฮ ในยามค่ำเมื่อสปอร์ตไลท์ของพวกเราทำงาน



คนที่ว่างก็เข้าช่วยลำเลียงเสบียงและข้าวของส่วนกลางจากรถน้องโจ๊กและรถพี่มาลีมาประจำที่โต๊ะอาหารอันแสนวิเศษของพวกเรา (ลูกเสือชำนาญการรุ่นใหญ่ 55555) น้องนุ่น น้องโอห์ม น้องนึกและอีกหลายคน ช่วยกันบริการอาหารและเครื่องดื่มให้อาจารย์จิรวัฒน์ อ.หนึ่งและสองผู้ติดตามตัวน้อยๆ




มื้อนี้เป็นมื้อที่แสนวิเศษสุดในความรู้สึกของฉัน มันหาได้ที่ไหนบรรยากาศแบบนี้ ฉับแอบซัดไข่ต้มไปตั้ง 2 ฟอง อิ่มท้องแล้วยังอิ่มใจอีก


หลังอิ่มท้อง น้องโก๋และน้องอ้นก็ได้รับสัญญาณจากพี่อ้ายให้
ทำหน้าที่ ดำเนินกิจกรรม
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป เพราะตอนนี้ เกือบตี 1 ง่วงซะแล้ว